บริษัทควรเตรียมอะไรเมื่อต้องส่งพนักงานไปต่างประเทศ?

บริษัทควรเตรียมอะไรเมื่อต้องส่งพนักงานไปต่างประเทศ?

บริษัทควรเตรียมอะไรเมื่อต้องส่งพนักงานไปต่างประเทศ?

ในยุคที่ธุรกิจระดับโลกมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว การส่งพนักงานไปปฏิบัติงานต่างประเทศไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการสร้างเครือข่าย พัฒนาโครงการ หรือให้การสนับสนุนลูกค้าในต่างแดน

อย่างไรก็ตาม การเตรียมตัวส่งพนักงานไปต่างประเทศไม่ใช่แค่เรื่องของตั๋วเครื่องบินหรือการจองที่พัก แต่ต้องอาศัยความรอบคอบในหลายด้าน โดยเฉพาะในปี 2025 ที่ข้อกำหนดด้านการเข้าเมืองและแรงงานมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์โลก

1. ตรวจสอบประเภทวีซ่าและเอกสารที่เกี่ยวข้อง

ประเภทวีซ่าที่อาจต้องใช้ ได้แก่:

  • Business Visa (วีซ่าธุรกิจ): สำหรับเข้าร่วมประชุม เจรจาธุรกิจ หรือฝึกอบรมระยะสั้น

  • Work Permit (ใบอนุญาตทำงาน): สำหรับพนักงานที่ต้องทำงานในต่างประเทศเกิน 30-90 วัน แล้วแต่กฎหมายของแต่ละประเทศ

  • Intra-Company Transfer Visa: สำหรับพนักงานที่โอนย้ายภายในบริษัทข้ามประเทศ

❗ ปี 2025 หลายประเทศมีการเข้มงวดในการยื่นวีซ่าทำงาน โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มยุโรปและเอเชียตะวันออก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหภาพยุโรป

เอกสารพื้นฐานที่บริษัทต้องเตรียม:

  • หนังสือเดินทางพนักงาน (มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน)

  • จดหมายรับรองจากบริษัทต้นสังกัด

  • สัญญาจ้างงานหรืองานมอบหมายที่ชัดเจน

  • หนังสือเชิญจากบริษัทปลายทาง

  • หลักฐานการจองเที่ยวบินและที่พัก

  • ประกันสุขภาพและประกันการเดินทาง

  • เอกสารทางการเงิน (สำหรับบางประเทศที่ต้องแสดงสถานะทางการเงิน)

2. ประกันสุขภาพและประกันการเดินทาง

การส่งพนักงานไปต่างประเทศโดยไม่มีประกันครอบคลุมคือความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม

ประกันที่ควรพิจารณา:

  • ประกันสุขภาพต่างประเทศ: ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลและการเจ็บป่วยฉุกเฉิน

  • ประกันการเดินทาง: สำหรับการล่าช้า เที่ยวบินยกเลิก หรือกระเป๋าสูญหาย

  • ประกันความรับผิดในต่างประเทศ: โดยเฉพาะพนักงานที่ทำงานเชิงเทคนิคหรือด้านวิศวกรรม

3. การฝึกอบรมและเตรียมความพร้อมให้พนักงาน

แม้พนักงานจะมีความสามารถ แต่สภาพแวดล้อมใหม่อาจสร้างความเครียดหรือลดประสิทธิภาพได้

ควรมีการเตรียมความพร้อมในด้าน:

  • ความรู้ด้านวัฒนธรรมและมารยาทของประเทศปลายทาง

  • กฎหมายแรงงานเบื้องต้น

  • ความเข้าใจเรื่องภาษี เงินเดือน หรือสิทธิประโยชน์ที่เปลี่ยนไป

  • ความปลอดภัยในการเดินทางและที่พัก

4. ระบบการติดตามและสนับสนุนพนักงานในต่างประเทศ

บริษัทควรมี:

  • ช่องทางการติดต่อฉุกเฉิน กับพนักงานและสถานทูตไทย

  • รายงานการทำงานแบบออนไลน์ เพื่อประเมินผลอย่างต่อเนื่อง

  • ผู้ประสานงาน (Local Coordinator) หรือคู่ค้าท้องถิ่นที่สามารถให้คำแนะนำหรือช่วยเหลือได้

5. การวางแผนภาษีและการเงิน

บางประเทศมีข้อกำหนดเรื่อง “ภาษีรายได้จากต่างประเทศ” หรือการหักภาษี ณ ที่จ่ายซึ่งอาจกระทบต่อพนักงานหรือบริษัท

  • ควรปรึกษานักบัญชีหรือนักกฎหมายระหว่างประเทศ

  • พิจารณาวิธีการจ่ายเงินเดือน เช่น โอนผ่านบัญชีไทยหรือเปิดบัญชีต่างประเทศ

  • ตรวจสอบเรื่อง Double Tax Agreement (DTA) ระหว่างไทยกับประเทศปลายทาง

6. ให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแลกระบวนการวีซ่า

ในปี 2025 ระบบขอวีซ่าหลายประเทศมีการย้ายไปใช้ระบบ e-Visa หรือระบบดิจิทัลทั้งหมด แต่ขั้นตอนอาจซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

การใช้บริการบริษัทผู้เชี่ยวชาญอย่าง Co Journey Visa จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า:

  • เอกสารครบ ถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน

  • ลดความเสี่ยงเรื่องการถูกปฏิเสธวีซ่า

  • พนักงานได้รับคำแนะนำครบถ้วน ตั้งแต่ก่อนเดินทางจนถึงวันเดินทางกลับ

หากคุณต้องการคำปรึกษาหรือความช่วยเหลือในการยื่นวีซ่าและเตรียมเอกสารสำหรับพนักงาน

ติดต่อ Co Journey Visa – ผู้เชี่ยวชาญด้านวีซ่าธุรกิจและการเดินทางระหว่างประเทศ

📞 โทร: 080-841-2543
📧 อีเมล: cojourneyvisa@gmail.com
🌐 Line : @cojourneyvisa
📍 เปิดบริการ: ทุกวัน เวลา 09:00 – 18:00 น.

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *