Uncategorized

วิธีขอวีซ่า Non-Immigrant B สำหรับทำงานในไทย สำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาทำงานในประเทศไทย วีซ่า Non-Immigrant B (Business Visa) คือประเภทวีซ่าที่จำเป็นต้องมี เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลายคนอาจสงสัยว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง และมีขั้นตอนอย่างไร มาดูรายละเอียดกัน   วีซ่า Non-Immigrant B คืออะไร วีซ่า Non-Immigrant B (Business Visa) เป็นวีซ่าที่ออกให้กับชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาทำงาน ประกอบธุรกิจ หรือเป็นครู/อาจารย์ในสถาบันการศึกษาในประเทศไทย โดยจะต้องมีนายจ้างหรือองค์กรในไทยเป็นผู้สนับสนุน   เอกสารที่ใช้ยื่นวีซ่า Non-Immigrant B การขอวีซ่า Non-Immigrant B ต้องเตรียมเอกสารดังนี้ (อาจแตกต่างตามแต่ละสถานทูต/กงสุล) หนังสือเดินทาง (Passport) ที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน แบบฟอร์มคำขอวีซ่า กรอกครบถ้วน รูปถ่ายขนาด 3.5×4.5 ซม. พื้นหลังขาว จดหมายรับรองจากนายจ้างในประเทศไทย (Job Offer Letter) สำเนาใบอนุญาตประกอบธุรกิจ/จดทะเบียนบริษัทของนายจ้างในไทย หลักฐานการศึกษาหรือประสบการณ์การทำงาน […]

เอกสารการขอวีซ่าคู่สมรสต่างชาติในไทย การขอวีซ่าคู่สมรส (Marriage Visa / Spouse Visa) ในประเทศไทยเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับคู่รักที่มีคู่สมรสเป็นชาวต่างชาติ เพื่อให้สามารถอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างถูกกฎหมาย หลายคนอาจสับสนเรื่องประเภทวีซ่า เอกสารที่ใช้ และกระบวนการยื่น วันนี้เราจะพาไปรู้จักรายละเอียดการขอวีซ่าคู่สมรสต่างชาติในไทย   วีซ่าคู่สมรสต่างชาติในไทยคืออะไร วีซ่าคู่สมรสหรือ Non-Immigrant “O” Visa (Thai Marriage Visa) เป็นวีซ่าที่ออกให้แก่ชาวต่างชาติซึ่งสมรสกับคนไทย และต้องการพำนักระยะยาวในประเทศไทย โดยจะต้องต่ออายุทุกปี และสามารถทำงานได้หากมีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit)   เอกสารที่ใช้ประกอบการขอวีซ่าคู่สมรสต่างชาติในไทย เอกสารหลักที่ใช้ยื่นขอวีซ่าคู่สมรส ได้แก่: หนังสือเดินทางของผู้ยื่นขอ (Passport) ใบทะเบียนสมรสที่จดในประเทศไทย (Marriage Certificate) สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของคู่สมรสคนไทย รูปถ่ายคู่สมรสและรูปถ่ายร่วมในบ้านหรือกิจกรรมต่าง ๆ หลักฐานการเงิน เช่น บัญชีเงินฝากในประเทศไทยอย่างน้อย 400,000 บาท หรือรายได้ประจำ แผนที่บ้านหรือที่พักอาศัยร่วมกัน ฟอร์มการยื่นวีซ่าและค่าธรรมเนียม หมายเหตุ: เอกสารอาจแตกต่างไปตามสถานทูต/สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ยื่น   ขั้นตอนการยื่นขอวีซ่าคู่สมรส เตรียมเอกสารทั้งหมดให้ครบถ้วนและตรวจสอบความถูกต้อง ยื่นเอกสารที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองหรือสถานทูตไทยที่เกี่ยวข้อง เข้ารับการสัมภาษณ์หรือตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม

วีซ่าทำงานที่ฟาร์มออสเตรเลีย ทำอย่างไร? ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศยอดนิยมสำหรับคนไทยที่ต้องการไปทำงานเก็บผลไม้หรือทำงานในฟาร์ม เพราะนอกจากจะได้ประสบการณ์ทำงานต่างประเทศแล้ว ยังมีรายได้ที่ค่อนข้างดี แต่การจะเดินทางไปทำงานที่ฟาร์มในออสเตรเลียนั้นต้องเริ่มจากการทำ วีซ่าทำงานที่ฟาร์ม หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ Working Holiday Visa / Temporary Work Visa ซึ่งมีขั้นตอนและเงื่อนไขที่ควรรู้ก่อนสมัคร   วีซ่าทำงานที่ฟาร์มออสเตรเลียคืออะไร วีซ่าประเภทนี้อนุญาตให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าไปทำงานชั่วคราวในภาคเกษตรกรรม เช่น เก็บผลไม้ ปลูกผัก หรือทำงานฟาร์มต่าง ๆ โดยขึ้นอยู่กับประเภทของวีซ่า เช่น Working Holiday Visa (Subclass 417/462): เหมาะสำหรับคนอายุ 18–30 ปี (บางประเทศถึง 35 ปี) ที่ต้องการทำงานและท่องเที่ยว Temporary Work (Short Stay Specialist) Visa (Subclass 400): สำหรับผู้ที่จะไปทำงานระยะสั้นตามที่นายจ้างเสนอ ขั้นตอนทำวีซ่าทำงานที่ฟาร์มออสเตรเลีย ตรวจสอบคุณสมบัติของวีซ่า เช่น อายุ ประเทศสัญชาติ ประเภทงาน และระยะเวลาที่สามารถทำงานได้ หานายจ้างหรือโครงการที่ได้รับการรับรอง

ขั้นตอนยื่นวีซ่าติดตามสามี/ภรรยา ในอเมริกา การเดินทางไปอยู่กับคู่สมรสในสหรัฐอเมริกาเป็นความฝันของหลาย ๆ ครอบครัว แต่การยื่น วีซ่าติดตามสามี/ภรรยา (Spouse Visa) หรือที่คนไทยมักเรียกว่า “วีซ่าคู่สมรส” มีขั้นตอนและเอกสารที่ต้องเตรียมหลายอย่าง เพื่อให้ผ่านการพิจารณาได้ราบรื่น   วีซ่าติดตามสามี/ภรรยา (Spouse Visa) คืออะไร เป็นวีซ่าสำหรับคู่สมรสของผู้ที่เป็นพลเมืองอเมริกัน หรือผู้ที่มีถิ่นพำนักถาวร (Green Card) ซึ่งอนุญาตให้คู่สมรสเดินทางและอยู่ในสหรัฐฯ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย   ขั้นตอนยื่นวีซ่าติดตามสามี/ภรรยาในอเมริกา แม้แต่ละเคสจะมีรายละเอียดต่างกัน แต่โดยภาพรวมสามารถแบ่งเป็นขั้นตอนหลัก ๆ ได้ดังนี้ ยื่นคำร้องขอ (Petition) ที่ USCIS ฝ่ายที่อยู่ในอเมริกา (พลเมืองหรือผู้ถือ Green Card) จะต้องยื่นแบบฟอร์ม I-130 เพื่อขอให้คู่สมรสเดินทางตามไป รอการอนุมัติและโอนเคสไปยัง NVC เมื่อ USCIS อนุมัติคำร้องแล้ว เคสจะถูกส่งต่อไปยัง National Visa Center (NVC) เพื่อเตรียมการสัมภาษณ์ กรอกแบบฟอร์ม DS-260 และชำระค่าธรรมเนียม

วีซ่า Startup ในประเทศแถบยุโรป มีขั้นตอนอย่างไร? ปัจจุบันยุโรปถือเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่สนับสนุนการสร้างธุรกิจและนวัตกรรมใหม่ ๆ หลายประเทศได้ออก “Startup Visa” หรือวีซ่าสำหรับผู้ประกอบการ เพื่อดึงดูดผู้มีไอเดียสร้างสรรค์เข้ามาทำธุรกิจและลงทุนในประเทศนั้น ๆ   วีซ่า Startup คืออะไร Startup Visa เป็นวีซ่าที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ นักพัฒนา และนักนวัตกรรมจากต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนบริษัทหรือสร้างธุรกิจใหม่ในประเทศนั้น ๆ ได้อย่างถูกกฎหมาย โดยมักจะให้สิทธิพำนักระยะยาว พร้อมโอกาสในการต่ออายุวีซ่าเมื่อธุรกิจเติบโต   ขั้นตอนทั่วไปของการขอ Startup Visa ในยุโรป แม้รายละเอียดจะต่างกันไปในแต่ละประเทศ แต่โดยภาพรวมจะมีขั้นตอนสำคัญดังนี้: เลือกประเทศและโปรแกรมที่เหมาะสม เช่น โปรตุเกส ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ เอสโตเนีย ลิทัวเนีย ต่างก็มีโปรแกรม Startup Visa ของตนเอง ยื่นแผนธุรกิจ (Business Plan) ต้องมีแผนธุรกิจที่ชัดเจน น่าเชื่อถือ และสอดคล้องกับนโยบายสนับสนุนของประเทศนั้น ๆ หาที่ปรึกษาหรือหน่วยงานรับรอง (Endorsement) หลายประเทศต้องให้หน่วยงานที่ได้รับการแต่งตั้งรับรองโครงการก่อนยื่นคำขอ เตรียมเอกสารประกอบและหลักฐานการเงิน เช่น

การยื่นวีซ่าให้ผู้สูงอายุ มีขั้นตอนต่างจากคนทั่วไปอย่างไร? การเดินทางต่างประเทศสำหรับผู้สูงอายุได้รับความนิยมมากขึ้น ไม่ว่าจะไปเยี่ยมลูกหลาน ท่องเที่ยว หรือพักผ่อนระยะยาว หลายคนจึงสงสัยว่า การยื่นวีซ่าให้ผู้สูงอายุ มีขั้นตอนต่างจากคนทั่วไปหรือไม่? เรามีคำตอบให้ที่นี่   ขั้นตอนและข้อควรรู้สำหรับการยื่นวีซ่าผู้สูงอายุ โดยทั่วไป การยื่นวีซ่าให้ผู้สูงอายุ ไม่ต่างจากคนทั่วไปในขั้นตอนหลัก ๆ เช่น กรอกแบบฟอร์ม ชำระค่าธรรมเนียม จัดเตรียมเอกสารหลักฐาน แต่จะมีจุดที่ต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ ได้แก่: เอกสารทางการแพทย์หรือประกันสุขภาพ – หลายประเทศขอให้แสดงหลักฐานประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษาพยาบาลในต่างประเทศ การเงินและผู้สนับสนุน – หากผู้สูงอายุไม่มีรายได้เอง อาจต้องมี Affidavit Letter หรือจดหมายรับรองการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากลูกหลาน เอกสารยืนยันความสัมพันธ์ – ในกรณีไปเยี่ยมครอบครัว อาจต้องมีเอกสารยืนยัน เช่น สูติบัตร ทะเบียนบ้าน หรือจดหมายเชิญ การนัดหมายและการเดินทางไปยื่น – ควรจัดการเรื่องเวลาและความสะดวก เช่น เลือกศูนย์ยื่นที่ใกล้ที่สุด หรือใช้บริการตัวแทนที่ได้รับอนุญาต การเตรียมตัวให้ครบถ้วนจะช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับวีซ่าอย่างราบรื่นและไม่เสียเวลา     ให้ Co Journey Visa ดูแลคุณเรื่องวีซ่าอย่างมืออาชีพ หากคุณไม่มั่นใจเรื่องการเตรียมเอกสารสำหรับผู้สูงอายุ

วิธีทำ Affidavit Letter สำหรับวีซ่าต่างประเทศ เวลายื่นขอวีซ่าต่างประเทศ บางกรณีสถานทูตอาจกำหนดให้ผู้ยื่นนำ Affidavit Letter หรือจดหมายคำให้การ/รับรองเป็นลายลักษณ์อักษร มาใช้ประกอบการยื่นเอกสาร เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงบางอย่าง เช่น ความสัมพันธ์กับผู้เชิญ รายได้ แหล่งเงินสนับสนุน หรือจุดประสงค์การเดินทาง   Affidavit Letter คืออะไร Affidavit Letter คือ จดหมายคำให้การที่ผู้ยื่นหรือผู้เกี่ยวข้องทำขึ้นเพื่อรับรองข้อเท็จจริงบางประการ โดยต้องลงนามต่อหน้าพนักงานที่มีอำนาจรับรองเอกสาร เช่น ทนายความ หรือ Notary Public เพื่อให้จดหมายมีผลทางกฎหมายและสามารถใช้ประกอบการยื่นวีซ่าได้   วิธีทำ Affidavit Letter สำหรับวีซ่าต่างประเทศ ระบุหัวข้อให้ชัดเจน เช่น “Affidavit of Support” (รับรองการสนับสนุนค่าใช้จ่าย) หรือ “Affidavit of Relationship” (รับรองความสัมพันธ์) เขียนข้อความตามข้อเท็จจริง ใช้ภาษาที่ตรงไปตรงมา ไม่เกินจริง ระบุข้อมูลที่สถานทูตต้องการทราบ เช่น ชื่อ-นามสกุล ผู้รับรอง สถานที่เกิด

ประเทศที่เริ่มเปิดให้มีการสมัคร Digital Nomad Visa กระแสการทำงานแบบ Digital Nomad หรือทำงานจากที่ใดก็ได้ทั่วโลกยังคงมาแรง โดยเฉพาะในยุคหลังโควิด-19 ที่ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับการทำงานแบบยืดหยุ่น หลายประเทศจึงออกนโยบายใหม่ ๆ ที่เอื้อต่อคนทำงานอิสระหรือฟรีแลนซ์ นั่นคือ Digital Nomad Visa เพื่อให้คนสามารถพำนักและทำงานระยะยาวได้อย่างถูกกฎหมาย   ประเทศที่เริ่มเปิดให้สมัคร Digital Nomad Visa ปัจจุบันมีหลายประเทศทั่วโลกที่เปิดโอกาสให้คนทำงานอิสระยื่นขอ Digital Nomad Visa เช่น โปรตุเกส (Portugal) – มี “D7 Visa” สำหรับผู้ทำงานอิสระหรือมีรายได้ประจำจากต่างประเทศ สเปน (Spain) – เปิดวีซ่าประเภทใหม่สำหรับ Digital Nomad ให้พำนักทำงานได้หลายปี เอสโตเนีย (Estonia) – หนึ่งในประเทศแรก ๆ ของยุโรปที่มี Digital Nomad Visa อย่างเป็นทางการ โครเอเชีย (Croatia) –

วิธีเตรียม Statement กรณีเป็นฟรีแลนซ์ ไม่มีสลิปเงินเดือน สำหรับฟรีแลนซ์ที่ไม่มีสลิปเงินเดือน การยื่นขอวีซ่าอาจดูซับซ้อนกว่าเพราะเอกสารการเงินเป็นหลักฐานสำคัญในการยืนยันรายได้และความสามารถทางการเงินของคุณ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะยังมีวิธีจัดเตรียม Statement หรือหลักฐานทางการเงิน ให้เหมาะสมและเป็นมืออาชีพ 1. รวบรวมหลักฐานรายได้ทั้งหมด ฟรีแลนซ์ควรเตรียมหลักฐานรายได้หลายประเภท เช่น: ใบแจ้งหนี้หรือ Invoice ของงานที่ทำ   หลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีจากลูกค้า   สัญญาจ้างงานหรือข้อตกลงระหว่างคุณกับลูกค้า   รายงานบัญชีหรือ Statement บัญชีธนาคารย้อนหลัง 3–6 เดือน   2. จัดทำ Statement แบบมืออาชีพ แม้ไม่มีสลิปเงินเดือน คุณสามารถจัดทำ Statement แสดงรายได้ได้ดังนี้: สรุปรายได้เป็นตารางรายเดือน พร้อมแหล่งที่มาของเงินแต่ละรายการ   ระบุวันที่ รายละเอียดงาน และจำนวนเงินที่ได้รับ   ลงนามและระบุวันที่ใน Statement เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ   หากเป็นไปได้ สามารถแนบสำเนาการโอนเงินหรือใบแจ้งหนี้ประกอบ Statement   3. เพิ่มเอกสารประกอบเพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือ นอกจาก

ขั้นตอนยื่นวีซ่า Digital Nomad ในยุโรป การทำงานระยะไกลหรือ Digital Nomad กลายเป็นไลฟ์สไตล์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุโรป แต่ก่อนที่คุณจะเริ่มแพ็กกระเป๋าไปทำงานพร้อมท่องเที่ยว ควรทำความเข้าใจขั้นตอนการยื่นวีซ่า Digital Nomad ให้ชัดเจน เพื่อให้การเดินทางราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมาย   1. ตรวจสอบประเทศและประเภทวีซ่า แต่ละประเทศในยุโรปมีเงื่อนไขการออกวีซ่าสำหรับ Digital Nomad ที่แตกต่างกัน เช่น โปรตุเกส: D7 Visa สำหรับผู้มีรายได้จากต่างประเทศ เอสโตเนีย: Digital Nomad Visa สำหรับการทำงานระยะไกล เยอรมนี: Aufenthaltserlaubnis สำหรับ Freelancer สิ่งสำคัญคือการเลือกประเทศและประเภทวีซ่าที่ตรงกับรูปแบบการทำงานและรายได้ของคุณ 2. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน เอกสารที่มักต้องใช้สำหรับยื่นวีซ่า Digital Nomad ได้แก่ หนังสือเดินทางที่มีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือน หลักฐานรายได้จากงานระยะไกล (สลิปเงินเดือน, รายงานภาษี, สัญญาจ้าง) ประกันสุขภาพที่ครอบคลุมระยะเวลาพำนัก จดหมายอธิบายการทำงานและวัตถุประสงค์ของการพำนัก 3. ยื่นคำขอวีซ่า คุณสามารถยื่นคำขอได้ที่สถานทูตหรือสถานกงสุลของประเทศนั้น ๆ