Uncategorized

เคล็ดลับในการเขียน Statement of Purpose สำหรับวีซ่านักเรียนให้ผ่าน การยื่น วีซ่านักเรียน นอกจากเอกสารหลักฐานการเงินและจดหมายรับรองการเรียนแล้ว Statement of Purpose (SOP) ถือเป็นเอกสารสำคัญที่จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สถานทูตเข้าใจ วัตถุประสงค์และความตั้งใจของผู้ยื่นวีซ่า SOP ที่ชัดเจน ครบถ้วน และตรงตามเกณฑ์ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้วีซ่านักเรียนผ่านได้สูงขึ้น   1. ทำความเข้าใจ Statement of Purpose SOP คือจดหมายแสดงความประสงค์ในการเรียนต่อในต่างประเทศ โดยควรระบุเหตุผลหลัก ๆ เช่น ทำไมเลือกประเทศนี้ ทำไมเลือกสถาบันนี้ สาขาหรือหลักสูตรที่เรียนมีความสำคัญอย่างไรต่ออนาคต แผนหลังเรียนจบ 2. เคล็ดลับการเขียน SOP ให้ผ่าน 2.1 ระบุวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน บอกเหตุผลที่เลือกเรียนต่อ เช่น เพื่อพัฒนาทักษะอาชีพ หรือเสริมความรู้เฉพาะด้าน หลีกเลี่ยงคำตอบทั่วไป เช่น “อยากไปเที่ยวต่างประเทศ” 2.2 เชื่อมโยงกับประวัติการศึกษาและการทำงาน แสดงให้เห็นว่าหลักสูตรที่เลือกตรงกับพื้นฐานและประสบการณ์ของผู้ยื่น ยกตัวอย่างโครงการหรือความสำเร็จที่ผ่านมา 2.3 ระบุแผนในอนาคตหลังเรียนจบ ชี้ให้เห็นว่าผู้ยื่นมีแผนใช้ความรู้ที่ได้กลับมาประยุกต์ใช้ในประเทศตัวเอง สร้างความมั่นใจให้เจ้าหน้าที่ว่าไม่ได้มีเจตนาพำนักถาวรโดยไม่ถูกกฎหมาย […]

ขอวีซ่าท่องเที่ยวอังกฤษ สามารถสมัครเรียนภาษาพร้อมกันได้หรือไม่? การไป ประเทศอังกฤษ (UK) เป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับทั้งการท่องเที่ยวและการเรียนภาษา แต่หลายคนสงสัยว่า หากขอวีซ่าท่องเที่ยวอังกฤษ (Standard Visitor Visa) จะสามารถเรียนภาษาไปพร้อมกันได้หรือไม่? วันนี้ Co Journey Visa มีคำตอบและคำแนะนำมาให้ครับ   วีซ่าท่องเที่ยวอังกฤษ (Standard Visitor Visa) คืออะไร? เป็นวีซ่าสำหรับผู้ที่ต้องการไปท่องเที่ยว เยี่ยมญาติ เดินทางเพื่อธุรกิจสั้น ๆ หรือเข้าร่วมกิจกรรมที่ไม่ใช่การทำงาน ระยะเวลาพำนักทั่วไป: ไม่เกิน 6 เดือน ไม่สามารถทำงานหรือรับรายได้ในอังกฤษได้ สามารถเรียนภาษาพร้อมกับวีซ่าท่องเที่ยวได้หรือไม่? คำตอบคือ สามารถเรียนได้ แต่มีเงื่อนไข ดังนี้: เรียนได้ไม่เกิน 6 เดือน ผู้ถือวีซ่าท่องเที่ยวสามารถเรียนภาษาในสถาบันที่ได้รับการรับรอง (Accredited Institutions) ได้ แต่ต้องเป็นคอร์สที่มีระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน ไม่สามารถต่อวีซ่าในอังกฤษได้ หากต้องการเรียนต่อ ต้องกลับมาขอวีซ่าใหม่จากประเทศไทย เช่น วีซ่านักเรียนระยะสั้น (Short-term Study

วีซ่าระยะยาวประเทศฝรั่งเศส มีประเภทอะไรบ้าง? หากคุณวางแผนจะเดินทางไปประเทศฝรั่งเศสเกิน 90 วัน ไม่ว่าจะเพื่อเรียน ทำงาน หรือใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว สิ่งสำคัญที่ต้องขอคือ วีซ่าระยะยาว (Long-Stay Visa หรือ Visa de long séjour) ซึ่งเป็นเอกสารอนุญาตให้คุณพำนักในฝรั่งเศสตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการได้ บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า วีซ่าระยะยาวของฝรั่งเศสมีประเภทใดบ้าง และแต่ละแบบเหมาะกับใคร   ประเภทของวีซ่าระยะยาวประเทศฝรั่งเศส 1. วีซ่านักเรียน (Student Long-Stay Visa – VLS-TS Étudiant) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในฝรั่งเศสมากกว่า 3 เดือน ใช้สำหรับเรียนในมหาวิทยาลัย, โรงเรียนสอนภาษา, หรือหลักสูตรระยะยาว ต้องมีจดหมายตอบรับจากสถานศึกษาในฝรั่งเศส หลังเดินทางถึงฝรั่งเศส ต้องทำการ Validate วีซ่าออนไลน์ และอาจขอต่อใบอนุญาตพำนัก (Titre de séjour) ได้ 2. วีซ่าทำงาน (Work Long-Stay Visa) สำหรับผู้ที่มีนายจ้างในฝรั่งเศสรับเข้าทำงาน แบ่งย่อย เช่น

วีซ่าติดตามประเทศญี่ปุ่น ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง? สำหรับผู้ที่มีครอบครัวหรือคู่สมรสพำนักอยู่ในประเทศญี่ปุ่นแล้ว และต้องการเดินทางไปอยู่ด้วยกัน สิ่งที่จำเป็นคือการยื่น วีซ่าติดตาม (Dependent Visa) ซึ่งเป็นวีซ่าที่อนุญาตให้คู่สมรสหรือบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เดินทางไปอาศัยอยู่กับผู้ถือวีซ่าหลักในประเทศญี่ปุ่นได้ บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารที่ต้องใช้ ขั้นตอน และสิ่งสำคัญที่ควรรู้ก่อนการยื่น เพื่อให้คุณเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง   วีซ่าติดตามญี่ปุ่นคืออะไร? วีซ่าติดตาม (Dependent Visa) เป็นประเภทวีซ่าที่อนุญาตให้ คู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ สามารถพำนักอยู่ในญี่ปุ่น เพื่อใช้ชีวิตร่วมกับผู้ถือวีซ่าหลัก เช่น วีซ่าทำงาน วีซ่านักเรียน หรือวีซ่าประเภทอื่น ๆ เอกสารที่ต้องใช้ในการขอวีซ่าติดตามประเทศญี่ปุ่น   1. เอกสารของผู้สมัคร (Dependent) แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า (Visa Application Form) หนังสือเดินทาง (Passport) ที่ยังไม่หมดอายุ รูปถ่ายสี ขนาด 2×2 นิ้ว (พื้นหลังขาว) สูติบัตร (กรณีเป็นบุตร) หรือใบจดทะเบียนสมรส (กรณีคู่สมรส) สำเนาทะเบียนบ้าน (แปลเป็นภาษาอังกฤษหรือญี่ปุ่น หากเป็นภาษาไทย) 2. เอกสารของผู้พำนักในญี่ปุ่น

วีซ่า PR (Permanent Resident) ต่างจากการขอสอบ Citizen อย่างไร? สำหรับผู้ที่ต้องการไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศระยะยาว คำว่า PR (Permanent Resident) และ Citizen (การเป็นพลเมือง/สัญชาติ) มักถูกพูดถึงอยู่เสมอ หลายคนอาจสงสัยว่า สองสิ่งนี้ต่างกันอย่างไร? บทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดเพื่อให้คุณเข้าใจชัดเจน และเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับแผนชีวิตในอนาคตของคุณ   PR (Permanent Resident) คืออะไร? PR หรือ ผู้พำนักถาวร คือ สถานะที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถอาศัย ทำงาน หรือเรียนในประเทศนั้น ๆ ได้อย่างถูกกฎหมายในระยะยาว โดยไม่ต้องต่อวีซ่าชั่วคราวบ่อย ๆ สิทธิประโยชน์ของ PR อยู่ในประเทศได้ไม่จำกัดระยะเวลา ทำงานได้ถูกต้องตามกฎหมาย ใช้สิทธิ์ด้านการศึกษาและระบบสาธารณสุข (ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ) สามารถยื่นขอเป็น Citizen ได้เมื่อครบเงื่อนไข ข้อจำกัดของ PR ยังไม่สามารถถือพาสปอร์ตของประเทศนั้นได้ บางประเทศไม่อนุญาตให้เลือกตั้งหรือทำงานด้านความมั่นคง หากอยู่นอกประเทศเกินกำหนดที่อนุญาต อาจเสี่ยงถูกยกเลิกสถานะ PR Citizen (การขอสัญชาติ/สอบ Citizenship)

วิธีสมัคร ESTA สำหรับเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา ทำอย่างไร?? การเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าเสมอไป หากคุณเป็นพลเมืองของประเทศที่อยู่ใน โครงการยกเว้นวีซ่า (Visa Waiver Program: VWP) คุณสามารถใช้ ESTA (Electronic System for Travel Authorization) ในการขออนุญาตเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาได้ง่ายขึ้น บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจว่า ESTA คืออะไร? ใครสมัครได้? ขั้นตอนการสมัครทำอย่างไร? พร้อมเคล็ดลับที่ควรรู้ก่อนเดินทาง   ESTA คืออะไร? ESTA หรือ Electronic System for Travel Authorization เป็นระบบอนุมัติการเดินทางออนไลน์ที่ใช้แทนการขอวีซ่า สำหรับผู้ที่มาจากประเทศใน โครงการยกเว้นวีซ่า (VWP) เพื่อเดินทางเข้าสหรัฐฯ ด้วยวัตถุประสงค์ ท่องเที่ยว ธุรกิจระยะสั้น การต่อเครื่อง (Transit) โดย ESTA อนุญาตให้คุณ พำนักได้สูงสุด 90 วันต่อครั้ง และมีอายุการใช้งาน 2 ปี

วีซ่าธุรกิจ B1 ของอเมริกา มีเงื่อนไขในการใช้วีซ่าอย่างไร? สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเดินทางติดต่อธุรกิจมากที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมประชุม สัมมนา เจรจาทางการค้า หรือตรวจสอบกิจการ สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปสหรัฐฯ ด้วยวัตถุประสงค์ทางธุรกิจจำเป็นต้องขอ “วีซ่าธุรกิจ B1 (Business Visa B1)” ซึ่งเป็นวีซ่าประเภทชั่วคราว แต่มีเงื่อนไขการใช้งานที่ผู้ถือวีซ่าต้องเข้าใจอย่างเคร่งครัด   วีซ่า B1 คืออะไร? เป็นวีซ่าชั่วคราวที่ออกให้สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปอเมริกาเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ (Business Purpose) ไม่ใช่วีซ่าทำงาน (Work Visa) ผู้ถือวีซ่า B1 ไม่มีสิทธิ์ทำงานหรือรับค่าตอบแทนในสหรัฐฯ มักออกคู่กับ B2 (Tourist Visa) ในรูปแบบ B1/B2 เพื่อความสะดวกทั้งธุรกิจและท่องเที่ยว เงื่อนไขการใช้วีซ่า B1 กิจกรรมที่อนุญาตให้ทำได้ เข้าร่วมประชุมทางธุรกิจ เจรจาทางการค้า หรือลงนามในสัญญา เข้าร่วมงานสัมมนา งานแสดงสินค้า หรืองานอีเวนต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เข้ารับการฝึกอบรมระยะสั้น (Short Training) ที่ไม่ได้มีลักษณะเป็นการทำงาน กิจกรรมที่ห้ามทำ ห้ามทำงานหรือรับเงินเดือนจากบริษัทในอเมริกา ห้ามสมัครงานหรือทำกิจกรรมที่เข้าข่ายการจ้างงาน ห้ามใช้วีซ่า

วีซ่าอเมริกา F-1 กับ M-1 ต่างกันอย่างไร? การไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คน ซึ่ง “วีซ่านักเรียน” ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุด โดยทั่วไปวีซ่านักเรียนของอเมริกามี 2 ประเภทหลัก คือ F-1 และ M-1 แต่ละแบบมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน หากเลือกผิดประเภทอาจทำให้กระทบต่อการเรียนหรือแม้แต่การยื่นวีซ่าไม่ผ่านเลยก็ได้   วีซ่า F-1 คืออะไร? ใช้สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนใน สถาบันการศึกษาวิชาการ (Academic Studies) เช่น มหาวิทยาลัย วิทยาลัย โรงเรียนมัธยมปลาย หรือสถาบันภาษา (ESL) ผู้ถือวีซ่า F-1 สามารถเรียนต่อระดับปริญญาตรี–โท–เอก หรือเรียนภาษาได้ สามารถขอ OPT (Optional Practical Training) หลังเรียนจบ เพื่อทำงานในสหรัฐฯ ชั่วคราวได้ อนุญาตให้นักเรียนบางกรณีทำงานในมหาวิทยาลัย (On-campus job) วีซ่า M-1 คืออะไร? ใช้สำหรับผู้ที่ต้องการเรียน สายอาชีพหรือสายวิชาชีพ (Vocational

ขั้นตอนยื่นวีซ่าท่องเที่ยวประเทศรัสเซีย การเดินทางท่องเที่ยวรัสเซียเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คน ทั้งสถาปัตยกรรมโดดเด่น เมืองประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมอันงดงาม แต่ก่อนเดินทาง สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมคือ วีซ่าท่องเที่ยวรัสเซีย (Russian Tourist Visa) ซึ่งมีรายละเอียดและขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง บทความนี้จะอธิบายขั้นตอนยื่นวีซ่าท่องเที่ยวรัสเซียตั้งแต่ต้นจนจบ พร้อมแนะนำ Co Journey Visa ที่จะช่วยดูแลคุณทุกขั้นตอนอย่างมืออาชีพ   ประเภทของวีซ่าท่องเที่ยวรัสเซีย Tourist Visa (เดี่ยว/กลุ่ม) สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป พำนักได้สูงสุดประมาณ 30 วัน Business Visa (กรณีไปงานประชุม/ดูงาน) Transit Visa สำหรับเปลี่ยนเครื่องหรือผ่านทาง หมายเหตุ: สำหรับนักท่องเที่ยวไทย ต้องตรวจสอบข้อกำหนดล่าสุดของสถานทูตรัสเซียก่อนยื่นเอกสารทุกครั้ง   เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการยื่น หนังสือเดินทาง (เหลืออายุไม่น้อยกว่า 6 เดือน) แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าออนไลน์ (กรอกและพิมพ์ออกมา) รูปถ่ายหน้าตรงพื้นหลังสีขาว ขนาดตามที่กำหนด จดหมายเชิญ (Tourist Voucher / Invitation Letter) จากผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ได้รับอนุญาต

วิธีจองโรงแรมแบบไม่ต้องจ่ายเต็มเพื่อยื่นวีซ่า หนึ่งในเอกสารสำคัญที่ต้องใช้ประกอบการขอวีซ่าท่องเที่ยวหรือวีซ่าธุรกิจคือ หลักฐานการจองที่พัก (Hotel Booking) เพื่อยืนยันว่าคุณมีแผนการเดินทางและสถานที่พักที่แน่นอน แต่หลายคนกังวลว่าต้อง จ่ายเงินเต็ม ก่อนทั้งที่ยังไม่รู้ผลวีซ่า ซึ่งจริง ๆ แล้วมีวิธีจองที่พักแบบ “ไม่ต้องจ่ายเต็ม” เพื่อใช้เป็นหลักฐานยื่นวีซ่าได้ บทความนี้จะอธิบายวิธีจองโรงแรมแบบปลอดภัย ไม่ต้องเสียเงินเกินความจำเป็น พร้อมเคล็ดลับในการใช้ประกอบการยื่นวีซ่า   ทำไมต้องใช้การจองโรงแรมเป็นหลักฐานยื่นวีซ่า เป็นข้อกำหนดของสถานทูตหลายประเทศว่าต้องมี หลักฐานการจองที่พัก ตลอดระยะเวลาที่อยู่ แสดงความตั้งใจเดินทางและแผนการที่ชัดเจน เพิ่มความน่าเชื่อถือในการพิจารณาวีซ่า วิธีจองโรงแรมแบบไม่ต้องจ่ายเต็ม เลือกโรงแรมที่มีนโยบาย “ชำระเงินภายหลัง” หรือ “ฟรียกเลิก” เว็บไซต์อย่าง Booking.com, Agoda, Expedia มักมีตัวเลือก “Reserve Now, Pay Later” หรือ “Free Cancellation” คุณสามารถใช้ใบยืนยันการจองนี้ประกอบการยื่นวีซ่าได้ ใช้บริการจองโรงแรมเฉพาะเพื่อวีซ่า มีเอเจนซี่ที่ออกใบจองโรงแรมสำหรับใช้ยื่นวีซ่าโดยเฉพาะ โดยยังไม่ต้องจ่ายจริงทั้งหมด ตรวจสอบเงื่อนไขการยกเลิก เลือกโรงแรมที่สามารถยกเลิกได้ฟรีจนถึงวันที่ใกล้เดินทาง เก็บใบยืนยันการจอง (Booking Confirmation) ในรูปแบบ PDF เพื่อพิมพ์แนบกับเอกสารยื่นวีซ่า เคล็ดลับเพิ่มเติม ใช้ชื่อในใบจองให้ตรงกับพาสปอร์ต