การเดินทางไปท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกาเป็นความฝันของใครหลายคน แต่ก่อนที่จะได้เหยียบแผ่นดินแห่งเสรีภาพ คุณจำเป็นต้องผ่านขั้นตอนการขอวีซ่าท่องเที่ยว หรือที่เรียกกันว่า “วีซ่า B-2” ให้เรียบร้อยก่อน บทความนี้จะรวบรวมข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเอกสารที่จำเป็น ขั้นตอนการสมัคร และเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณเตรียมตัวขอวีซ่าท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกาในปี 2025 ได้อย่างราบรื่น
เอกสารที่จำเป็นต้องเตรียม
1. หนังสือเดินทาง (Passport)
หนังสือเดินทางต้องมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือนนับจากวันที่คุณวางแผนจะออกจากสหรัฐอเมริกา
ควรมีหน้าว่างสำหรับประทับตราอย่างน้อย 2 หน้า
หากเคยมีหนังสือเดินทางเล่มเก่า ควรนำมาแสดงด้วย โดยเฉพาะเล่มที่มีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ
2. แบบฟอร์ม DS-160
กรอกแบบฟอร์มออนไลน์ DS-160 (Nonimmigrant Visa Application) ให้ครบถ้วน
พิมพ์หน้ายืนยันที่มีบาร์โค้ด เพื่อนำไปใช้ในวันสัมภาษณ์
ต้องตอบคำถามทุกข้อด้วยความซื่อสัตย์และถูกต้อง
3. รูปถ่าย
รูปถ่ายสี ขนาด 2×2 นิ้ว (5×5 ซม.) พื้นหลังสีขาว
ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน
ไม่สวมแว่นตา เครื่องประดับบนใบหน้า หรือหมวก (ยกเว้นกรณีทางศาสนา)
ต้องมองเห็นใบหน้าเต็ม มีสีหน้าปกติ ไม่ยิ้มหรือแสดงอารมณ์
4. หลักฐานทางการเงิน
สเตทเมนท์บัญชีธนาคารย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน
หลักฐานการถือครองทรัพย์สิน เช่น โฉนดที่ดิน เล่มทะเบียนรถ
บัตรเครดิตที่มีวงเงินสูง (ถ้ามี)
หนังสือรับรองเงินเดือน หรือสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือน
5. หลักฐานการประกอบอาชีพและความผูกพันกับประเทศไทย
จดหมายรับรองการทำงาน ระบุตำแหน่ง เงินเดือน ระยะเวลาทำงาน และการอนุมัติวันลา
นามบัตร (ถ้ามี)
หากเป็นเจ้าของกิจการ ให้เตรียมเอกสารจดทะเบียนบริษัท และเอกสารทางธุรกิจอื่นๆ
นักเรียน/นักศึกษา ให้เตรียมหนังสือรับรองจากสถาบันการศึกษา
หลักฐานความผูกพันอื่นๆ เช่น ทะเบียนสมรส สูติบัตรบุตร
6. รายละเอียดการเดินทาง
แผนการเดินทางที่ชัดเจน ระบุวันเดินทางไป-กลับ
ตั๋วเครื่องบินสำรอง (ไม่ต้องออกตั๋วจริง ให้ทำเป็นการจองไว้ก่อน)
การจองที่พัก หรือจดหมายเชิญจากเพื่อน/ญาติในสหรัฐฯ (ถ้ามี)
กำหนดการท่องเที่ยว สถานที่ที่จะไปเยี่ยมชม
7. หลักฐานอื่นๆ (เพิ่มเติมตามแต่กรณี)
จดหมายเชิญจากบุคคลหรือองค์กรในสหรัฐฯ
หนังสือรับรองการเดินทางจากผู้ปกครอง (กรณีผู้เยาว์เดินทางคนเดียว)
เอกสารการเปลี่ยนชื่อ หรือนามสกุล (ถ้ามี)
ประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ
ขั้นตอนการสมัครวีซ่าท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกา
1. ลงทะเบียนผู้ใช้งานบนเว็บไซต์วีซ่า
เริ่มต้นด้วยการสร้างบัญชีผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ ceac.state.gov เพื่อเข้าสู่ระบบการสมัครวีซ่า
2. กรอกแบบฟอร์ม DS-160
เข้าไปที่ ceac.state.gov/genniv
กรอกข้อมูลส่วนตัว ประวัติการศึกษา การทำงาน และข้อมูลการเดินทางให้ครบถ้วน
อัพโหลดรูปถ่ายตามข้อกำหนด
พิมพ์หน้ายืนยันพร้อมบาร์โค้ดเมื่อกรอกเสร็จ
3. ชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า
ค่าธรรมเนียมวีซ่าท่องเที่ยว (B-2) ปัจจุบันอยู่ที่ 185 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,500 บาท)
ชำระผ่านช่องทางที่กำหนด เช่น ธนาคารพันธมิตร หรือชำระออนไลน์
เก็บใบเสร็จการชำระเงินไว้เป็นหลักฐาน
4. นัดหมายสัมภาษณ์
ลงทะเบียนที่ ustraveldocs.com/th
เลือกวันและเวลาที่สะดวกสำหรับการสัมภาษณ์
ปัจจุบันระยะเวลารอคิวสัมภาษณ์อาจใช้เวลาหลายเดือน ควรวางแผนล่วงหน้า
5. เข้ารับการสัมภาษณ์
ไปถึงสถานทูตก่อนเวลานัดหมายอย่างน้อย 30 นาที
นำเอกสารทุกอย่างที่เตรียมไว้ไปด้วย
แต่งกายสุภาพ มีความมั่นใจ
ตอบคำถามด้วยความซื่อสัตย์และตรงประเด็น
6. รอผลการพิจารณา
บางกรณีอาจทราบผลทันทีหลังสัมภาษณ์
บางกรณีอาจต้องรอการตรวจสอบเพิ่มเติม (Administrative Processing)
เมื่อได้รับอนุมัติ วีซ่าจะถูกส่งกลับมาพร้อมพาสปอร์ตทางไปรษณีย์
เคล็ดลับสำคัญในการขอวีซ่าท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกา
1. พิสูจน์ความผูกพันกับประเทศไทย
เจ้าหน้าที่กงสุลต้องการเห็นว่าคุณมีเหตุผลที่จะกลับประเทศไทยหลังจากท่องเที่ยวเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นงานประจำที่มั่นคง ครอบครัว ทรัพย์สิน หรือภาระผูกพันอื่นๆ
2. เตรียมการเงินให้พร้อม
ควรมีเงินในบัญชีที่เพียงพอสำหรับการท่องเที่ยวตามระยะเวลาที่วางแผนไว้ และมีประวัติการเงินที่สม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการฝากเงินก้อนใหญ่เข้าบัญชีกระทันหัน
3. มีแผนการท่องเที่ยวที่ชัดเจน
เตรียมรายละเอียดการเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก และกำหนดการที่แน่นอน เพื่อแสดงว่าคุณไปท่องเที่ยวจริงๆ ไม่ได้มีเจตนาอื่น
4. ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา
ตอบคำถามในแบบฟอร์มและระหว่างการสัมภาษณ์ด้วยความซื่อสัตย์ การให้ข้อมูลเท็จอาจนำไปสู่การปฏิเสธวีซ่าและส่งผลต่อการขอวีซ่าในอนาคต
5. พูดภาษาอังกฤษให้ได้
แม้จะไม่จำเป็นต้องพูดได้คล่อง แต่การสื่อสารภาษาอังกฤษได้จะช่วยให้การสัมภาษณ์ราบรื่นขึ้น หากไม่มั่นใจ สามารถขอล่ามช่วยได้
6. อย่าจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า
ควรรอให้ได้รับวีซ่าก่อนจึงค่อยจองตั๋วเครื่องบินและที่พักแบบยืนยัน เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียเงินหากวีซ่าไม่ผ่าน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวีซ่าท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกา
1. วีซ่าท่องเที่ยวมีอายุกี่ปี?
วีซ่าท่องเที่ยวสหรัฐฯ (B-2) ส่วนใหญ่มีอายุ 10 ปี สำหรับคนไทย แต่ระยะเวลาที่อนุญาตให้อยู่ในสหรัฐฯ จะถูกกำหนดโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ณ จุดเข้าประเทศ โดยทั่วไปไม่เกิน 6 เดือนต่อครั้ง
2. สามารถเดินทางไปสหรัฐฯ ได้กี่ครั้งด้วยวีซ่าท่องเที่ยว?
วีซ่าแบบ Multiple Entry จะอนุญาตให้เดินทางเข้า-ออกได้หลายครั้งตลอดอายุวีซ่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองในแต่ละครั้ง
3. จำเป็นต้องมีญาติหรือเพื่อนในสหรัฐฯ หรือไม่?
ไม่จำเป็น คุณสามารถขอวีซ่าท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องมีญาติหรือเพื่อนในสหรัฐฯ แต่หากมี การมีจดหมายเชิญอาจช่วยเสริมความน่าเชื่อถือ
4. ถ้าเคยถูกปฏิเสธวีซ่ามาก่อน จะมีโอกาสผ่านหรือไม่?
การถูกปฏิเสธวีซ่าในอดีตไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสได้รับอนุมัติในอนาคต หากสถานการณ์ของคุณเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เช่น มีงานที่มั่นคงขึ้น มีหลักฐานการเงินที่ดีขึ้น คุณสามารถยื่นขอใหม่ได้
5. ต้องแสดงเงินในบัญชีเท่าไรจึงจะเพียงพอ?
ไม่มีจำนวนเงินที่กำหนดตายตัว แต่โดยทั่วไปควรมีเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายตลอดการเดินทาง โดยคำนวณประมาณ 200-300 ดอลลาร์ต่อวัน ขึ้นอยู่กับเมืองที่จะไปและสไตล์การท่องเที่ยว
6. สามารถทำงานหรือเรียนได้หรือไม่ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว?
ไม่ได้ วีซ่า B-2 อนุญาตให้ท่องเที่ยวเท่านั้น หากต้องการทำงานหรือเรียน ต้องขอวีซ่าประเภทอื่นที่เหมาะสม
7. หากถูกปฏิเสธวีซ่า จะได้รับค่าธรรมเนียมคืนหรือไม่?
ไม่ได้ ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าจะไม่ได้รับคืนไม่ว่ากรณีใดๆ
สรุป
การขอวีซ่าท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกาอาจดูเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน แต่หากเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน มีแผนการเดินทางที่ชัดเจน และสามารถพิสูจน์ได้ว่าคุณจะกลับประเทศไทยหลังจากท่องเที่ยวเสร็จสิ้น โอกาสที่จะได้รับอนุมัติวีซ่าก็มีสูง การวางแผนล่วงหน้าและเตรียมตัวให้พร้อมจะช่วยให้กระบวนการขอวีซ่าเป็นไปอย่างราบรื่น
ทั้งนี้ ข้อมูลข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามนโยบายของสถานทูตสหรัฐฯ ดังนั้นควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดที่เว็บไซต์ทางการของสถานทูตอเมริกาในประเทศไทยก่อนดำเนินการสมัครวีซ่าทุกครั้ง
เริ่มวางแผนการท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกาได้แล้ววันนี้ เพื่อประสบการณ์การเดินทางที่น่าจดจำในดินแดนแห่งโอกาส!
Line : @cojourneyvisa