วิธีแปลเอกสารราชการ เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อใช้ยื่นวีซ่า
การยื่นขอวีซ่าประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น วีซ่าท่องเที่ยว วีซ่านักเรียน วีซ่าทำงาน หรือวีซ่าครอบครัว
สิ่งหนึ่งที่สถานทูตทุกแห่งให้ความสำคัญมากคือ เอกสารประกอบการยื่น เช่น
สูติบัตร ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส หนังสือรับรองการทำงาน หรือเอกสารทางการเงิน
แต่เนื่องจากเอกสารเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นภาษาไทย 🇹🇭
จึงจำเป็นต้อง “แปลเป็นภาษาอังกฤษ” ให้ถูกต้องตามรูปแบบที่สถานทูตรับรองก่อนนำไปยื่น
บทความนี้จะอธิบายครบทุกขั้นตอน ตั้งแต่เอกสารที่ต้องแปล วิธีแปลที่ถูกต้อง
ไปจนถึงการรับรองเอกสาร เพื่อให้การยื่นวีซ่าของคุณ “ผ่านง่ายและไม่มีปัญหา”
📘 เอกสารราชการที่มักต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ
ขึ้นอยู่กับประเภทของวีซ่า แต่เอกสารที่สถานทูตมักจะขอ ได้แก่ 👇
🧍♂️ เอกสารส่วนบุคคล
- สูติบัตร (Birth Certificate)
- บัตรประชาชน (National ID Card)
- ทะเบียนบ้าน (House Registration)
- หนังสือเดินทาง (Passport) – แปลเฉพาะหน้าข้อมูลในบางกรณี
💍 เอกสารสถานภาพครอบครัว
- ทะเบียนสมรส (Marriage Certificate)
- ใบหย่า (Divorce Certificate)
- ใบเปลี่ยนชื่อ / นามสกุล (Name Change Certificate)
💼 เอกสารทางการทำงาน
- หนังสือรับรองการทำงาน (Employment Certificate)
- สลิปเงินเดือน (Payslip)
- ใบจดทะเบียนบริษัท (Company Registration)
- ภ.พ.20 หรือ ภงด.50 สำหรับผู้ประกอบการ
💰 เอกสารทางการเงิน
- หนังสือรับรองจากธนาคาร (Bank Certificate)
- รายการเดินบัญชี (Bank Statement)
- หนังสือรับรองรายได้ (Income Certificate)
📝 วิธีแปลเอกสารราชการให้ถูกต้อง
การแปลเอกสารเพื่อใช้ยื่นวีซ่า ไม่ใช่แค่แปลคำต่อคำเท่านั้น
แต่ต้องคง “รูปแบบและความถูกต้องตามต้นฉบับ” ด้วย
ดังนั้นควรทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. สแกนหรือถ่ายเอกสารต้นฉบับให้ชัดเจน
ก่อนส่งให้ผู้แปล ควรตรวจสอบว่าข้อมูลในต้นฉบับถูกต้อง ไม่มีรอยลบหรือพับ
2. แปลเนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษแบบทางการ
ใช้คำศัพท์ราชการ (Official English Terms) ที่เป็นมาตรฐาน เช่น
- “สำนักงานเขตบางรัก” → Bangrak District Office
- “กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ” → Department of Consular Affairs, Ministry of Foreign Affairs
3. ระบุคำว่า “Certified Translation” หรือ “Translation from Thai to English”
แสดงว่าเอกสารฉบับนี้เป็นฉบับแปล พร้อมชื่อ-นามสกุล ผู้แปลและลายเซ็น
4. ตรวจสอบชื่อ-นามสกุลให้ตรงกับพาสปอร์ต
หากสะกดผิดเพียงตัวเดียว อาจทำให้สถานทูตปฏิเสธเอกสารได้
การรับรองเอกสารแปล (Certified Translation / Legalization)
หลังแปลแล้ว บางประเทศต้องการ “การรับรองความถูกต้องของเอกสาร” ด้วย เช่น
🇬🇧 อังกฤษ / 🇨🇦 แคนาดา / 🇦🇺 ออสเตรเลีย
ต้องแนบเอกสารที่ แปลโดยนักแปลที่มีใบอนุญาต (Authorized Translator) หรือ
สำนักงานแปลที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ (MFA)
🇫🇷 ฝรั่งเศส / 🇩🇪 เยอรมนี / 🇪🇺 กลุ่ม Schengen
อาจต้องให้แปลโดย นักแปลที่สถานทูตรับรองโดยเฉพาะ (Sworn Translator)
การรับรองจากกรมการกงสุล (Legalization)
สำหรับเอกสารราชการไทย เช่น สูติบัตร ทะเบียนสมรส หรือใบเปลี่ยนชื่อ
ต้องนำไป รับรองที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ก่อนยื่นกับสถานทูตต่างประเทศ
เคล็ดลับแปลเอกสารให้ผ่านง่าย
- ใช้สำนวนทางการ ไม่ใช้คำแปลจาก Google Translate
- ระบุวันที่ตามรูปแบบสากล เช่น “10 January 2025”
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารทุกฉบับตรงกัน เช่น ที่อยู่ / ชื่อสกุล / เลขที่บัตรประชาชน
- แปลและตรวจสอบล่วงหน้าก่อนวันยื่นอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อเผื่อเวลาแก้ไข
สรุป
การแปลเอกสารราชการเป็นภาษาอังกฤษถือเป็น ขั้นตอนสำคัญของการยื่นวีซ่า
เพราะเอกสารที่แปลไม่ถูกต้องอาจทำให้สถานทูต “ขอเอกสารเพิ่มเติม” หรือ “ปฏิเสธคำร้อง” ได้
ดังนั้นจึงควรให้ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการแปลเอกสารยื่นวีซ่าดูแลตั้งแต่ต้น
เพื่อความถูกต้อง รวดเร็ว และเพิ่มโอกาสให้วีซ่าผ่านราบรื่น
ให้ Co Journey Visa ดูแลเรื่องการแปลเอกสารและยื่นวีซ่าของคุณ
ไม่ว่าจะเป็น เอกสารราชการ เอกสารทางการเงิน หรือจดหมายประกอบวีซ่า
ทีมผู้เชี่ยวชาญของ Co Journey Visa สามารถช่วยคุณแปล ตรวจสอบ และจัดเตรียมเอกสาร
ให้ตรงตามมาตรฐานที่สถานทูตแต่ละประเทศต้องการ พร้อมแนะนำขั้นตอนอย่างมืออาชีพ
ทำไมต้องเลือก Co Journey Visa
✅ แปลเอกสารราชการโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ เข้าใจคำศัพท์เฉพาะทาง
✅ ตรวจสอบเอกสารให้ถูกต้องก่อนยื่นจริง ลดความเสี่ยงถูกปฏิเสธ
✅ บริการครบวงจร ตั้งแต่แปล รับรอง ไปจนถึงยื่นวีซ่าให้ครบ
✅ ประสบการณ์ตรงกับสถานทูตทั่วโลก ดูแลด้วยใจเหมือนคนในครอบครัว
📞 โทร: 080-8412543 / 061-0312188
📱 LINE: @cojourneyvisa
📧 Email: cojourneyvisa@gmail.com
🌐 เว็บไซต์: www.cojourneyvisa.com
✈️ Co Journey Visa — ให้เราดูแลคุณเรื่องวีซ่าทุกประเทศ อย่างมืออาชีพ
เพราะเอกสารที่ “แปลถูกต้องตั้งแต่แรก” คือก้าวสำคัญของการ ได้วีซ่าผ่านแบบไร้ปัญหา

