Visa Image 1

อันดับแรก ก่อนที่เราจะทำวีซ่า มาทำความรู้จักกันครับว่า วีซ่า คืออะไร ?
ทำไมเราถึงต้องขอ ก่อนไปต่างประเทศ !

วีซ่าคืออะไร ?

วีซ่าคือ เอกสารที่ใช้ประกอบกับหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต เพื่อใช้เข้าประเทที่ผู้เดินทางต้องการไป โดยจะระบุช่วงระยะเวลาที่กำหนดไว้ชัดเจน ว่า
สามารถอยู่ภายในประเทศได้ ระยะเวลาเท่าไหร่ โดยวีซ่าจะต้องออกโดยสถานทูตของประเทศนั้นๆ จะมีลักษณะเป็นตราแสตมป์ในเล่มพาสปอร์ต
และในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์
ดังนั้นผู้เดินทางนั้นจะต้องแสดงหน้าวีซ่าให้กับเจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองทุกครั้ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่เช็คว่า เข้าประเทศมาถูกจุดประสงค์หรือไม่
วีซ่านั้นมีหลายประเภท เช่น วีซ่าสำหรับท่องเที่ยว, เยี่ยมเยือน, ธุรกิจ, นักเรียน, ทำงาน เป็นต้น หรือ รวมไปถึงการเดินทางต่อเครื่องบินไปยังประเทศ
ที่ 3 ก็ต้องมีการขอวีซ่าด้วยเช่นกัน

ทีนี้ มาดูกันว่า ถ้าเราอยากจะขอวีซ่าล่ะ จะต้องทำอย่างไร? มีขั้นตอนยุ่งยากและซับซ้อนไหม ?
สามารถดูตามข้อด้านล่างได้เลยครับ

1.  ติดต่อสถานทูตหรือศูนย์รับยื่นขอวีซ่าโดยตรง

อันดับแรก ก่อนที่เราจะยื่นวีซ่า เราต้องมาเช็คกันก่อนว่า สถานที่ ที่เราจะไปยื่นเอกสารนั้น เราจะต้องไปติดต่อที่สถานทูตโดยตรงหรือ ศูนย์ยื่นคำร้อง
เนื่องจากปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นวีซ่าเชงเก้นที่จะมี ศูนย์ยื่นรับคำร้องขอวีซ่า โดยที่ไม่ต้องติดต่อสถานทูตโดยตรง เช่น VFS, TLS, BLS เป็นต้น
และในส่วนของเอกสาร เราก็จะต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม โดยจะสามารถเข้าไปดูได้ตามเว็บไซต์สถานทูตของแต่ละประเทศ เพราะแต่ละประเทศจะมี
รายละเอียดที่ไม่เหมือนกัน

2.  ยื่นขอวีซ่าออนไลน์

ปัจจุบันนี้ บางประเทศสามารถยื่นขอวีซ่าแบบออนไลน์ได้แล้ว โดยไม่ต้องเข้าไปยื่นที่สถานทูต เช่น วีซ่าออสเตรเลีย, วีซ่าอินเดีย, วีซ่าเกาหลีใต้
(KETA), วีซ่าฮ่องกง หรือวีซ่าอินโดนีเซีย เป็นต้น ทั้งนี้ ก็เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว เพราะเอกสารอาจจะมีเพียงแค่ หน้าพาสปอร์ต รูปถ่าย
และเอกสารจำเป็นส่วนตัวบางส่วน ที่ใช้ในการอัปโหลดเข้าไปในเว็บไซต์ของแต่ละสถานทูต หลังจากนั้นก็ กรอกฟอร์มข้อมูลส่วน แล้วก็รอพิจารณา

3.  ขอวีซ่าที่สนามบินปลายทาง (Visa on Arrival)

Visa on Arrival คือ ประเทศที่ก็ยังต้องใช้วีซ่าเพื่อเข้าประเทศ แต่สามารถยื่นเรื่องได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศนั้น ๆ โดยเจ้าหน้าที่ตรวจ
คนเข้าเมืองจะตรวจลงตราก่อนเข้าประเทศได้ทันที ไม่ต้องยื่นเรื่องขอวีซ่าล่วงหน้าที่สถานทูตหรือสถานกงสุลก่อนเดินทางที่ประเทศต้นทาง แต่จะมี
กรอกแบบฟอร์มให้ครบ และเสียค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่าด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่จะอาศัยอยู่ในประเทศนั้น ๆ สำหรับการอนุมัติวีซ่านั้น ก็ขึ้น
อยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ว่าจะให้ผ่านเข้าเมืองหรือไม่ด้วยเช่นกัน

  ***เกร็ดความรู้****

สำหรับ 34 ประเทศที่ไม่ต้องใช้วีซ่า สำหรับนักท่องเที่ยวไทย มีอะไรบ้าง ไปดูกัน !


- ระยะเวลา 14 วัน ได้แก่ บาห์เรน บรูไน กัมพูชา เมียนมา และไต้หวัน (ไต้หวันกำหนดให้เดินทางเข้าประเทศได้ตั้งแต่ 1 ส.ค. 65 - 31 ก.ค. 67)
- ระยะเวลา 15 วัน ได้แก่ ญี่ปุ่น
- ระยะเวลา 30 วัน ได้แก่ ฮ่องกง อินโดนีเซีย คาซัคสถาน ลาว มาเก๊า มองโกเลีย มาเลเซีย มัลดีฟส์ ฟิลิปปินส์ กาตาร์ รัสเซีย เซเชลส์ สิงคโปร์
จีนแอฟริกาใต้ ทาจิกิสถาน ตุรกี อาตู เวียดนาม และมณฑลไห่หนาน (จีน)
- ระยะเวลา 60 วัน ได้แก่ คีร์กีซสถาน กำหนดให้เดินทางเข้าประเทศได้ตั้งแต่ 1 ส.ค. 64 - 31 ก.ค. 68
- ระยะเวลา 90 วัน ได้แก่ อาร์เจนตินา บราซิล ชิลี เอกวาดอร์ สาธารณรัฐเกาหลี เปรู
- ระยะเวลา 180 วัน ได้แก่ ปานามา
- ระยะเวลา 365 วัน ได้แก่ จอร์เจีย

*** ข้ออาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องของระยะเวลาและประเทศ โปรดตรวจสอบและเช็คอีกครั้งในเว็บไซต์ของสถานทูตไทย ***


หลังจากเราได้ทราบความหมายของวีซ่าแล้ว มาดูกันว่า เอกสารที่ต้องใช้ยื่นวีซ่า มีอะไรบ้าง ?

1.  หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบันที่ยังไม่หมดอายุ

โดยปกติแล้วต้องมีอายุคงเหลือมากกว่า 6 เดือน และมีหน้าว่างสำหรับรับการแสตมป์วีซ่าอย่างน้อย 2 หน้า

2.  ขนาดของรูปถ่ายวีซ่า

จะต้องศึกษาให้ละเอียด ว่ารูปถ่ายของแต่ละสถานทูตนั้น มีขนาดและเงื่อนไขอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตอนยื่นเอกสาร

3.  หลักฐานการทำงานหรือหลักฐานการประกอบอาชีพ

3.1  กรณีที่เป็นพนักงานประประจำ ได้แก่ หนังสือรับรองการทำงาน, ใบรับรองเงินเดือน ใบลางาน เป็นต้น โดยในเอกสาร จะต้องระบุข้อมูล
เช่น ชื่อ-สกุล, ตำแหน่ง, ชื่อบริษัท, เงินเดือน, วันเริ่มงาน ที่ชัดเจน

3.2  กรณีที่เป็นเจ้าของกิจการ ได้แก่ หนังสือจดทะเบียนบริษัท , ใบจดทะเบียนการค้า หรือเอกสารอื่น ๆ ที่แสดงว่าเป็นเจ้าของกิจการ

3.3  กรณีที่เป็นพนักงานฟรีแลนซ์ ได้แก่ รูปถ่ายการทำงาน, หลักฐานการโอนเงินของลูกค้า หรือเอกสารอื่นๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่า
ทำงานอิสระ แต่เรายังมีรายได้ที่เข้ามาในบัญชี

4.  หลักฐานการศึกษา (กรณีเป็นนักเรียน นักศึกษา)

ได้แก่ หนังสือรับรองการศึกษา, ผลการเรียนหรือทรานสคริปต์, บัตรนักเรียน นักศึกษา

5.  หลักฐานทางการเงิน หรือ Bank Statement

โดยปกติแล้ว สถานทูตจะขอดูบัญชีส่วนตัวของผู้สมัคร ย้อนหลังไป 6 เดือน เพื่อดูความเคลื่อนไหวของบัญชี หรือถ้าผู้สมัครสามารถ
ยื่น Bank Guarantee ไปด้วย ก็จะเป็นผลดีต่อการพิจารวีซ่ามากๆ เช่นกัน
-  ในกรณีที่เป็นเจ้าของกิจการ ก็ต้องขอบัญชีบริษัทมาด้วย เพื่อพิสูจน์ว่า มีรายได้เข้าบริษัทจริง

6.  แผนการเดินทางหรือแพลนเที่ยว

ตรงนี้จะเป็นเอกสารเพิ่มเติม โดยเฉพาะวีซ่าท่องเที่ยว เราจะใช้เพื่อแสดงวัตถุประสงค์การเดินทางว่าเดินทางไปที่ไหน, ทำอะไรบ้าง ระยะเวลาที่ไป
ประมาณกี่วัน และมีแผนว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ เพื่อให้ง่ายต่อการพิจารณาวีซ่า

7.  หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบิน

สำหรับตั๋วเครื่องบินที่ใช้ในการยื่นวีซ่านั้น ไม่จำเป็นต้องซื้อตั๋วจริงก่อน แต่จะใช้เป็นตั๋วสำหรับการยื่นวีซ่าเท่านั้น ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทางบริษัทเราก็มี
บริการนี้เช่นกัน สามารถติดต่อเข้าไปที่ไลน์บริษัทได้เลยครับ

8.  เอกสารการจองที่พักหรือหลักฐานการจองที่พัก

เอกสารนี้จะต้องมีทุกครั้งในการยื่นขอวีซ่าเช่นกัน เพื่อระบุว่า เราเดินทางไปและที่พักหรือที่พำนักจริงๆ เช่น เอกสารการจองที่พัก พวกโรงแรม
หรือโฮสเทล ต่างๆ ที่ใช้สำหรับวีซ่าท่องเที่ยวหรือวีซ่าธุรกิจ แต่ในกรณีของวีซ่าเยี่ยมเยือน ที่ไปเยี่ยมบุคคลในประเทศนั้นๆ ก็อาจจะแสดงหลักฐาน
เช่น เอกสารเช่าที่พัก, ทะเบียนบ้าน หรือ เป็นรูปถ่ายที่เซลฟี่กับบ้าน เพื่อระบุว่า เราอยู่บ้านนี้จริงๆ

9.  สำเนาเอกสารส่วนตัวต่างๆ

จะเป็นเอกสารเบื้องต้นที่ใช้ทุกประเทศ คือ สำเนาพาสปอร์ต, บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล ใบสมรส ใบหย่า เป็นต้น

ทั้งนี้อาจจะมีเอกสารอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก ซึ่งก็จะแล้วแต่สถานทูตของแต่ละประเทศว่า เขาจะเรียกเอกสารอะไรเพิ่มเติมหรือไม่


ติดต่อเรา

CO JOURNEY VISA
เลขที่ 3097/4 ซอยสืบศิริ 49 ต.ในเมือง อ.เมือง
จ.นครราชสีมา 30000
  Co Journey Visa
  cojn.visa
  080-8412543
  cojourneyvisa@gmail.com

LINE QR code


Counselor Logo